
Rice fields : Pixabay
บ่ายวันหนึ่ง อากาศร้อนพอประมาณ ลมพัดบางเบา พอให้อากาศที่อบอ้าว คลายความร้อนลง พอทำงานมาได้พักนึง ก็ได้เวลากลับเยี่ยมเยียนครูบาอาจารย์ พบปะเพื่อน(ฝูง) และอัพเดทหน้าที่ชีวิตการงานของเพื่อนแต่ละคน
ณ บ้านพักส่วนตัวที่ออกแบบอย่างสวยงาม อารมณ์รีสอร์ท ด้านหลังของมหาวิทยาลัยนอกระบบราชการแห่งแรก ของประเทศไทย เจ้าของบ้านซึ่งเป็นอดีตอาจารย์รุ่นแรก ออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เราไม่พบกันเป็นเวลากว่าสิบปี ผมยกมือไหว้ เอ่ยคำว่า สวัสดี ก่อนอีกฝ่ายยกมือรับไหว้อย่างเอ็นดู อาจารย์เพิ่งเกษียณอายุจากการเป็นอาจารย์เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน และเลือกที่จะพักอาศัยอย่างสงบ ท่ามกลางแมกไม้และชายน้ำในบ้านพักของท่าน
เราคุยกันสัพเพเหระ เรื่อยเปื่อย ถามไถ่สาระทุกข์สุขดิบและให้ผมเป็นฝ่ายเล่าเรื่องหน้าที่การงาน แม้มันไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่มูลค่ามหาศาลแต่นั่นก็ช่วยให้อาจารย์อิ่มเอมใจได้ ว่าลูกศิษย์สามารถเดินออกจากอ้อมอกเพื่อเข้าสู่สังคมอย่างมีคุณภาพ
อาจารย์เล่าให้ฟังว่า ภาคภูมิใจในตัวลูกศิษย์หลายคน หลายรุ่น ที่ผลิตออกมาเพื่อรับใช้สังคมในเรื่องของความใจสู้เนื่องจากนักศึกษาส่วนใหญ่ มีฐานะไม่ค่อยสู้ดีแต่เปี่ยมไปด้วยความอดทน ซึ่งเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานบัณฑิตอยู่ในเกณฑ์ดีมีความพึงพอใจสูงมาก ในฐานะอาจารย์ก็อดที่จะภูมิใจไม่ได้
อาจารย์เล่าให้ฟังต่ออีกว่า เนื่องจากยี่สิบกว่าปีที่แล้วเราเป็นมหาวิทยาลัยเปิดใหม่ ความนิยมของนักศึกษาในการเลือกเข้าจึงอยู่ในเกณฑ์ไม่สูงมากนักในแง่ของการผลิต จึงมีการคัดกรอง ผู้ที่จะจบออกไปอย่างเข้มข้นเป็นพิเศษอาจารย์ให้เหตุผลว่า เนื่องจากเราไม่สามารถคัดเฟ้น จากตอนแรกรับได้ กระบวนการในการผลิตเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ จึงจำเป็นต้องเข้มข้นเป็นพิเศษ เมื่อเริ่มต้นเราจึงได้ชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัย ที่มีอัตราการตกออก(Retire) มากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศในสมัยนั้น
ผมพยักหน้าตามอาจารย์ แต่ก็อดอมยิ้มไม่ได้ ซึ่งอาจารย์ก็คงรู้ว่า หมายถึงอะไร ผมเรียนหลักสูตร 4 ปีที่นี่โดยใช้เวลาในการศึกษา 5 ปีกว่าเท่านั้นเองแถมยังได้เกรดครบทุกตัวอย่างภูมิใจ
เพื่อนหลายคนในรุ่น มีจบตามหลักสูตรบ้างแต่ไม่ถึงครึ่ง ส่วนใหญ่จะเรียนจนกระทั่งเป็นซุปเปอร์ซีเนียร์ เกือบทั้งหมดความจริงแล้วทุกๆมหาวิทยาลัยต่างก็มีพันธกิจ ในการผลิตบัณฑิตออกมารับใช้สังคมทั้งสิ้นก็คงไม่ได้กล่าวว่าที่ไหนดี ที่ไหนเก่งกว่ากัน
มีรุ่นน้องท่านหนึ่งไปสัมภาษณ์งาน โดยฝ่ายนายจ้างเล่าให้ฟังว่างานที่จะรับไปทำเนี่ยหนักมาก อากาศในโรงงานร้อนอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากเป็นโรงงานหล่อหลอมโลหะซึ่งผมผ่านจุดนั้นมาแล้ว
ความกดดันและความเครียดค่อนข้างสูงมากและต้องทำงานเป็นกะ เพราะโรงงานผลิต 24 ชั่วโมงเพื่อทดสอบความอดทนและใจสู้ อันเป็นคุณสมบัติที่ต้องการ
รุ่นน้องท่านนี้มีผลการเรียนที่ดี ขยันและอดทน แต่ที่บ้านมีฐานะยากจนมากตอบนายจ้างที่สัมภาษณ์ซื่อๆ เพราะนึกไม่ออก ว่างานหนักที่ว่าเป็นอย่างไรน้องท่านนี้ตอบว่า
“งานที่ว่ามา หนักกว่าทำนาหรือเปล่าคะ”
“หนูไม่เคยทำงานแต่ช่วงปิดเทอม หนูช่วยพ่อกับแม่ทำนาทุกครั้ง” มาทายกันดีไหมว่าน้องท่านนี้ได้งานหรือเปล่า