สรรพสิ่งหลายอย่างที่สร้างขึ้นบนโลกนี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากความคิดมาก่อน ของที่เราจับต้องใช้งานในปัจจุบันก็อาจมาจากความคิดของใครบางคน การเขียนเป็นการช่วยกระตุ้นย้ำเตือนช่วยให้ไม่สับสนท่ามกลางความวุ่นวายของโลกในปัจจุบัน และความคิดหรือไอเดียๆดีมักจะอยู่กับเราไม่นาน
มีการศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากหลายสำนักว่าผู้คนที่เขียนเป้าหมายที่อยากได้ อยากเป็น อยากเห็น นั้นมีจำนวนมากถึง 40% ที่สามารถบรรลุสิ่งที่ต้องการมากกว่าคนที่มีเป้าแต่ไม่ได้ลงมือมือเขียนกำกับเอาไว้ ซึ่งพอรวบรวมมาแล้วสามารถสรุปเป็น 5 ข้อง่ายๆได้ดังต่อไปนี้
1) ช่วยกระตุ้นการกระทำ การเขียนเป้าแล้วนำไปไว้ในที่ๆมองเห็นเป็นประจำช่วยย้ำช่วยกระตุ้นให้ไม่ลืมว่ากำลังคาดหวังอะไร บางทีเราอาจหลุดโฟกัสหรืออาจลืมไปว่าเป้าหมายเล็กๆที่เป็นส่วนหนึ่งของเป้าใหญ่จ้องทำอะไรบ้าง
2) ช่วยให้มีจินตนาการ การเขียนเป้าช่วยให้เราสามารถแปลงสิ่งที่เป็นแค่ความคิดนั้นออกมาเป็นแผนการลงมือได้อย่างชัดเจน ช่วยสรุปว่าสิ่งที่อยู่ในหัวแท้จริงแล้วมันคืออะไร ก่อนจะเป็นเก้าอี้ คนสร้างก็จินตนาการในหัวครั้งนึงก่อนจะลงมือสร้างมันออกมา คงเป็นการยกตัวอย่างที่น่าจะพอช่วยได้
3) ช่วยให้ทราบสถานะ หากคำพูดประมาณว่า”เรามาถึงจุดนี้ได้ยังไง”นั้นหมายถึงเราย้อนมองกลับไปว่ามีสาเหตุอันใดที่ทำให้เรามาถึง ณ ที่นี้ การเขียนเป้าหมายก็จะได้คำพูดว่า “ตอนนี้เราอยู่ไหนแล้ว” ถ้าเป้าบางอย่างเป็นเป้าระยะยาวหากไม่เขียนเป้ากับการชี้วัดสถานะ บางทีเราอาจจะท้อก่อนจะถึง เพราะไม่ว่าว่ามาถึงไหน เหลืออีกเท่าไหร่
4) ช่วยให้มีพันธะกับเป้า เหลือบไปเห็นไปมองบ่อยๆเข้าแต่ไม่ได้ลงมือทำอะไรเสีย บางทีอาจช่วยให้เกิดอาการแสลงใจได้บ้างแหละนะ
5) ช่วยให้ได้สุขใจเมื่อบรรลุได้ เป้าเล็กหรือใหญ่ไม่สำคัญเท่ากับการบรรลุ เแลิมแลองความสุขที่ได้ไปถึงคงไม่มีใครจะดีใจเท่าตัวเราเอง ซึ่งบางครั้งบางทีเราอาจได้คิดว่าแหมทำไม่ไม่เขียนเป้ามันตั้งนานแล้ว
ขอให้มีความสุขกับการไปถึงปลายทางกันนะครับ