ค้นหา ‘Why’ ของเราใน 15 นาที – เทคนิคจาก Simon Sinek & Jake Humphrey

Published by

on

หนึ่งในคำถามที่เคยได้ยินจากคนรอบตัว เพื่อนสนิทหลายคนรวมถึงตัวเองด้วยคือ

“วันๆ ทำแต่งาน ชีวิตเหมือนหุ่นยนต์”ทุกวันก็แค่ตื่นมา ทำงาน กลับบ้าน นอน แล้วก็วนลูป” “มีความฝันนะ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง” “เหมือนเดินไปข้างหน้า แต่ไม่มีทิศทางที่ชัดเจน”

อย่างที่รู้ๆ กันอยู่ว่า เวลาเราเข้าดูคลิปใน YouTube อันไหนแล้วดูจนจบ แล้วมี Suggestion เราก็ดูต่อไปเรื่อยๆ ในเนื้อหาคล้ายๆ กัน

โพสต์ก่อนที่เขียนไปว่าเข้าไปดู Start with why – Simon Sinek ย้อนหลังแล้วดูวนๆ ไปๆ มาๆ เช้านี้ YouTube เริ่มตอบสนอง โดยการส่งอีกคลิปมาให้ดู เป็นธรรมเนียมที่ AI ในระบบทำงาน

คลิปนี้มาจากรายการชื่อ High Performance How To Find Your ‘Why?’ In 15 Minutes

เป็นบทสัมภาษณ์ระหว่างผู้ดำเนินรายการ 2 คน กับ Simon Sinek – โดย Simon สาธิตให้ดูผ่านการพูดคุยว่าเราจะหา Why ของตัวเราเองเจอได้อย่างไร

คำถามเลยเกิดขึ้นคล้ายๆ การโค้ชระหว่าง Simon และผู้ดำเนินรายการชื่อ Jake Humphrey

High Performance Podcast เป็นรายการที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยมีผู้ติดตามจำนวนมากและได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในพอดแคสต์ที่สร้างแรงบันดาลใจและให้ความรู้ในด้านการพัฒนาตนเอง

ฟังแล้วรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก เพราะในบทสัมภาษณ์มันมีสตอรี่ของ Jake ระหว่างที่ Simon ถามเพื่อพยายาม Crack the code ออกมา

Photo by Element5 Digital on Pexels.com

เรื่องราวของ Jake Humphrey: จากเด็กที่ถูกปฏิเสธ สู่แรงบันดาลใจระดับโลก

Jake Humphrey เติบโตมาในครอบครัวธรรมดาในเมือง Norwich ประเทศอังกฤษ พ่อของเขาทำงานการกุศล ส่วนแม่เป็นครู ครอบครัวของเขาทำงานหนักเพื่อให้ลูกๆ ได้รับการศึกษาที่ดี แต่ Jake กลับเป็นเด็กที่ไม่ได้โดดเด่นด้านการเรียน ผลการสอบของเขาได้เพียง E และ U ซึ่งถือว่าต่ำมาก และดูเหมือนว่าอนาคตของเขาจะไร้ทิศทาง

แต่ถึงแม้การศึกษาไม่ใช่จุดแข็ง เขากลับพบว่าตัวเองหลงใหลในการเล่าเรื่องและสื่อสาร เขาตัดสินใจเข้าสู่วงการโทรทัศน์ โดยเริ่มจากงานเบื้องหลังในช่อง CBBC รายการโทรทัศน์สำหรับเด็ก ซึ่งแม้ว่าจะเป็นงานที่ไม่ได้มีชื่อเสียงมากนัก แต่เขาทุ่มเทและตั้งใจทำอย่างเต็มที่

Photo by Pixabay on Pexels.com

จากคำปฏิเสธ สู่โอกาสที่เปลี่ยนชีวิต

หลังจากทำงานในรายการเด็กได้ระยะหนึ่ง Jake ตั้งเป้าหมายที่สูงขึ้น เขาอยากเป็นผู้ประกาศข่าวกีฬา แต่เมื่อเขานำเสนอตัวเองกับหัวหน้าฝ่ายกีฬาแห่ง BBC คำตอบที่ได้รับคือ “BBC Sport ไม่จ้างคนแบบคุณ” เพราะเขาไม่มีพื้นฐานด้านกีฬา และไม่ได้เป็นอดีตนักกีฬามืออาชีพ

แต่ Jake ไม่ยอมแพ้ เขาใช้วิธีที่ต่างออกไป เขาขอให้เพื่อนที่ทำงานในแผนกฟุตบอลช่วยหางานให้ และยอมเริ่มจากงานเล็กๆ เช่น การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลระดับล่าง ได้ค่าจ้างเพียงเล็กน้อย และต้องเผชิญกับคำดูถูกจากแฟนบอลที่มองว่าเขาเป็นเพียง “พิธีกรรายการเด็ก”

อย่างไรก็ตาม ความพยายามของเขาก็ได้รับผลตอบแทน เมื่อปี 2009 BBC ตัดสินใจให้เขาเป็นพิธีกรหลักของรายการถ่ายทอดสด Formula 1 ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ท้าทาย เพราะกีฬานี้มักมีแต่พิธีกรที่เป็นอดีตนักแข่งหรือผู้เชี่ยวชาญด้านมอเตอร์สปอร์ต แต่ Jake พิสูจน์ตัวเองได้ด้วยสไตล์การนำเสนอที่มีพลัง ความสามารถในการเชื่อมโยงกับผู้ชม และทักษะการสื่อสารที่ยอดเยี่ยม

Photo by Pixabay on Pexels.com

การเปลี่ยนเส้นทางอีกครั้ง สู่การสร้างแรงบันดาลใจ

แม้จะประสบความสำเร็จในฐานะพิธีกร Formula 1 แต่ Jake เป็นคนที่รักความท้าทายใหม่ๆ หลังจากทำหน้าที่นี้ 4 ปี เขาตัดสินใจลาออก และหันไปทำงานเป็นพิธีกรรายการฟุตบอลของ BT Sport นาน 10 ปี ก่อนจะลาออกจากงานพิธีกรกีฬาโดยสิ้นเชิง

เขาต้องการทำสิ่งที่มีความหมายมากขึ้น จึงก่อตั้งพอดแคสต์ “High Performance” ซึ่งสัมภาษณ์บุคคลที่ประสบความสำเร็จในวงการต่างๆ ร่วมกับ Professor Damian Hughes เช่น นักกีฬา นักธุรกิจ และนักคิดชื่อดัง เป้าหมายของเขาคือ การค้นหาแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ไม่ใช่แค่ผลลัพธ์ที่เห็นได้จากภายนอก

Jake ค้นพบว่า “Why” ของเขาคือ การเป็นส่วนหนึ่งของทีม และการทำงานร่วมกับผู้อื่นเพื่อสร้างสิ่งที่มีคุณค่า นี่คือเหตุผลที่เขาหลงใหลในการทำงานเป็นทีมในฐานะพิธีกรกีฬา และต่อมายังเป็นเหตุผลที่ทำให้พอดแคสต์ของเขาได้รับความนิยมอย่างมาก

Photo by Mikael Blomkvist on Pexels.com

ค้นหา Why ของคุณให้เจอ

Simon Sinek ได้ช่วย Jake Humphrey ค้นพบว่า “Why” ของเขาถูกสะท้อนออกมาผ่านเรื่องราวสำคัญในอดีต Sinek ใช้กระบวนการที่เรียกว่า Pattern Recognition หรือการมองหารูปแบบของความสุขและแรงจูงใจที่เกิดขึ้นในชีวิต

Jake ได้แบ่งปัน 2 ช่วงเวลาที่สำคัญกับ Sinek:

  • ช่วงเวลาที่เขารู้สึกมีชีวิตชีวาที่สุดในอาชีพ ครั้งแรกที่ได้ยืนอยู่ใน Pit Lane ของ Formula 1 ในฐานะพิธีกรหลัก เขารู้สึกว่าตัวเองกำลังพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าเขามีค่าพอสำหรับตำแหน่งนี้
  • ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในวัยเด็ก ตอนที่เขานั่งอยู่ในรถระหว่างเดินทางไปตั้งแคมป์กับครอบครัว รู้สึกถึงความรัก ความเป็นทีม และการเดินทางไปสู่เป้าหมายเดียวกัน

ทั้งสองเรื่องนี้มีจุดร่วมกัน Jake มีความสุขที่สุดเมื่อได้เป็นส่วนหนึ่งของทีม และรู้สึกว่าเขาได้รับการยอมรับในฐานะสมาชิกที่มีคุณค่า

บทสรุป

“รู้แล้วต้องเล่า เข้าใจแล้วต้องสอน เพราะความรู้ที่ถูกถ่ายทอด คือพลังที่เปลี่ยนชีวิต”

“ใช้ AI ช่วยสร้างเนื้อหา แต่ Why คือสิ่งที่กำหนดทิศทาง”

โพสต์ยาวๆ ทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากการใช้ AI สองตัวหลัก ได้แก่ ChatGPT และ Napkin เพื่อทดสอบว่า Workflow ที่ใช้อยู่สามารถทำงานได้ดีแค่ไหน และนี่คือกระบวนการที่ช่วยให้เนื้อหาถูกสร้างขึ้นมาอย่างมีประสิทธิภาพ

1) สรุปและย่อความจาก YouTube ด้วย ChatGPT

เริ่มจากให้ ChatGPT สรุปและจับประเด็นสำคัญจากวิดีโอ YouTube ความยาว 15 นาที ให้ออกมาเป็น Text ที่จัดระเบียบเข้าใจง่าย และมีโครงสร้างชัดเจน

2) ค้นหาข้อมูลเชิงลึกของ Jake Humphrey

ต่อด้วยการให้ ChatGPT ค้นหาข้อมูลเบื้องหลัง และเรื่องราวของ Jake Humphrey ก่อนนำมาเรียบเรียงเป็น สตอรี่ที่มีมิติ เพื่อให้เนื้อหาน่าสนใจขึ้น

3) สรุป Powerful Questions ที่ใช้ค้นหา Why

นำคำถามที่ Simon Sinek ใช้กับ Jake Humphrey มาสรุปเป็น กระบวนการสำคัญ ที่ช่วยให้เข้าใจว่า What, How, และ Whyของแต่ละคนสามารถค้นหาได้อย่างไร

4) สร้าง Key Takeaways ให้ผู้อ่านนำไปใช้ได้จริง

ให้ ChatGPT ช่วยเขียน Key Takeaway เพื่อให้ผู้อ่านสามารถนำคำถามเหล่านี้ไปใช้ค้นหา Why ของตัวเองได้

5) จำลองบทสนทนากับ Simon Sinek

ลองให้ ChatGPT ทำตัวเสมือนเป็น Simon Sinek เพื่อถามกลับ และช่วยให้กระบวนการค้นหา Why ของตัวเองชัดเจนขึ้น

6) สร้าง Key Message ที่จดจำง่าย

เมื่อได้ Why ที่แท้จริงแล้ว พบว่ามันเป็นประโยคที่ค่อนข้างยาว เลยให้ AI สรุปเป็น Key Message ที่กระชับและจดจำได้ง่ายขึ้น

7) ใช้ Napkin สร้างอินโฟกราฟิก

นำ Key Takeaway ของ Simon Sinek มาวางบน Napkin และให้ AI ออกแบบเป็น อินโฟกราฟิกที่สวยงาม

8) ปรับแต่งภาพและโพสต์เนื้อหา

สุดท้ายคือการ ตกแต่งสี ฟอนต์ และจัดองค์ประกอบของภาพ ก่อนส่งออกและนำมาใช้ในโพสต์

AI ช่วยให้ทำงานเร็วขึ้น แต่ Why คือสิ่งที่ขับเคลื่อนทุกอย่าง

ถ้าย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ การเขียนโพสต์แบบนี้อาจใช้เวลาครึ่งค่อนวัน แต่ด้วย AI ทุกอย่างเสร็จภายใน 30 นาที แถมดูเป็นธรรมชาติกว่าการ Copy & Paste แบบเดิมๆ

เมื่อ Why ชัดเจน ก็เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคง 🚀

เบญจ์ ไทยอาภรณ์

รายละเอียดของคลิปตามนี้ครับ

ใส่ความเห็น