1) วางโครงสร้างแข็งแรง มีหลากหลายวิธีการที่จะทำให้โครงสร้างการนำเสนอนั่นแข็งแรง หนึ่งในนั้นคือการเขียนโครงร่างก่อนการนำเสนอให้ตกผลึกเรียบร้อยเสียก่อน โดยอาจจะเขียนเป็นช่องเป็นตารางว่าสิ่งที่ต้องการนำเสนอนั้นมีอะไรบ้างที่สำคัญ ตัดสิ่งไม่จำเป็นออก ลองหาบทหาพล็อตจากภาพยนต์ที่ได้ดูก็ได้ เรื่องราวอาจจะเป็นคนละเรื่องแต่หากวิเคราะห์กันดีๆจะพบว่าโครงจะคล้ายๆกันเช่น พวกหนังแอ็คชั่นมักจะมีโครงสร้างแบบนี้
ชีวิตปกติสุข—>เริ่มมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น—->ค้นพบอะไรบางอย่าง—->ก้าวผ่านปัญหาในที่สุด
ถ้าประยุกต์ใช้กับการนำเสนอเชิงธุรกิจก็อาจจะเป็น
โลกในอุดมคติ—>โลกแห่งความเป็นจริง—->ปัญหาระหว่างทั้งสองโลก—>นี่ไงทางออกจากเรา
ตัวอย่าง
โทรศัพท์มีปุ่มเยอะ–>น่าจะมีระบบทัชสกรีน—>สั่งงานง่ายๆสะดวก—->Smartphone
ตัวอย่าง
เรียกแท็กซี่ไปหมดทุกคัน—>ไม่ค่อยไป ต้องไปส่งรถ—>คนอยากขับไม่เจอคนอยากเรียก—> Application
2) คิดแบบป้ายโฆษณา โลกสับสนวุ่นวายมากมายทุกอย่างล้วนแล้วแต่ล้นทะลักไปด้วยเนื้อหาเต็มไปหมด คนเรามีเวลาน้อยลงจึงอยากจะตัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป บางทีให้อ่านฟรีๆยังไม่อยากอ่านเพราะเสียเวลา ดังนั้นการนำเสนอมีสองส่วนที่ต้องคำนึงถึงคือ ส่วนเปิดการนำเสนอ ถ้ามันไม่น่าสนใจตั้งแต่นาทีแรกๆแล้ว ก็ยากที่จะดึงความสนใจขึ้นมาให้มาได้ ลองนึกถึงโฆษณาที่เราได้ยินหรืออ่านหรือสนใจว่ามันมีโครงสร้างแบบไหนให้ดูดึงดูด ต่อมาสไลด์เปิดช่วงแรกควรน่าสนใจ ให้นึกถึงป้ายโฆษณาข้างทางยิ่งรายะลเอียดเยอะมาก ตัวหนังสือเต็มพรึดแล้วขับรถเหลือบไปมอง รับรองจำได้ไม่กี่อย่างหรอก
3) สไลด์ที่สบายตา ลองหาภาพที่เกี่ยวกับหัวข้อที่จะพูดมาวางลงบนสไลด์เฉยๆไม่ต้องใส่ตัวหนังสืออะไรเลย ผมเคยเห็นคนเก่งหลายคนทำแบบนี้นะ เพราะอย่างที่วิเคราะห์มา โครงสร้างแน่น น้ำเสียงดึงดูด นำเสนอแบบมีเรื่องเล่า (Storytelling) ประกอบ แค่นี้ก็เพียงพอจะให้ตรึงให้คนฟังอยู่กับที่ อย่างไรก็ดีอันนี้ต้องลองไปปรับใช้กันนะครับไม่ได้มีกฎตายตัว ลองนึกถึงพวกเครื่องฉายสไลด์สมัยก่อนแบบที่มีภาพเลื่อนไปทีละแผ่น มันได้อารมณ์ไปอีกแบบ หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมลองไปตามลิงค์นี้ดู
5 กระบวนท่าเปลี่ยนสไลด์ยอดเแย่ให้เป็นยอดเยี่ยม
5 ไอเดียเพิ่มความน่าสนใจด้วยสไลด์”คำคม”
4) หลีกเลี่ยงของสำเร็จรูป ในที่นี้หมายถึงพวก default ต่างๆที่เวลาเราเริ่มต้นเขียนหรือสร้างสรรค์ เครื่องมักจะกำหนดแบบสำเร็จรูปให้เช่นพวก ตัวหนังสือ พวกตำแหน่งรูปที่ประกอบ อะไรแบบนี้ เพราะมันดูเหมือนกันคนอื่น และซ้ำซากจำเจ อันนี้เป็นไอเดียส่วนตัวที่อยากเปรียบเทียบว่า พอเห็นคนอื่นพูดบบอกว่า “อย่าทำเหมือนน้ำเต็มแก้ว” “ความพยายามคือหนทางสู่ความสำเร็จ” หรืออะไรแบบนี้ ผมมักหมดความสนใจต่อเสียดื้อๆเพราะ มันพูดกันเยอะแล้ว ใครๆก็รู้ก็เคยเห็น ลองอ่านโพสต์นี้ดูครับ เมื่ออยากแตกต่างต้องเริ่มต้นด้วยแตกต่าง อาจพอจะช่วยได้บ้าง เรื่องนี้ไม่นับแค่เฉพาะสไลด์นะครับ รวมถึงพวกเนื้อหาเชยๆตัวอย่างซ้ำๆที่ใครๆก็ทราบมาก่อนแล้ว
5) แปลงข้อมูลให้เรียบร้อยเสียก่อน การนำเสนอมีกำหนดเวลาจบแน่นอน ดังนั้นเนื้อหาบางตอน ตัวอย่างบางชิ้นที่ยกมาประกอบควรย่อยแล้วแสดงออกมาให้ดูง่ายๆ คนฟังอยากกินผัดกะเพราแต่ข้อมูลที่เราเสนอมีตั้งแต่กการเลือกเด็ดใบกะเพรา เนื้อสัตว์ เครื่องปรุงรสสารพัด แต่ลืมนึกไปว่า เขาแค่อยากกินผัดกะเพราเท่านั้น ข้อมูลเยอะเป็นสิ่งที่ดีเพราะช่วยให้น่าเชื่อถือแต่จะดีกว่าไหมจะแสดงผลง่ายๆให้ปัง ลองอ่านโพสต์นี้ดูครับ คำแนะนำเมื่อต้องนำเสนอด้วยข้อมูลจำนวนมาก
6) สื่อยุคใหม่ไม่นิยมคลิปอาร์ท (Clipart) แต่ใช้สิ่งที่เรียกว่า pictograms หรือ icon ประกอบสไลด์แทน อันนี้ไม่ทราบที่มาแต่หลังๆพวก Infographic ได้รับความนิยมมากๆเพราะอ่านง่ายเข้าใจเร็วดี เลยอาจจะได้รับอิทธิพลมา ปกติผมใช้จากเว็บชื่อ Aiconica ลองเข้าศึกษาเงื่อนไงการใช้งานดูครับ ของเล็กๆน้อยพวกนี้ช่วยทำให้สไลด์ไม่ตกเทรนด์ก็ว่าได้
7) ฝึกซ้อมและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉิน มืออาชีพมักให้ความสำคัญในส่วนนี้มาก แม้ไม่ได้ซ้อมพูดก็ควรมีการทบทวนเนื้อหาที่พูดกันบ้างจะได้รู้ว่าอันไหนติดขัดอันไหนต้องแก้ สิ่งผมเห็นแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีคือเวลาที่ผู้นำเสนอ หันหลังให้คนฟังแล้วหันหน้าไปอ่านสไลด์ทีละบรรทัด พออ่านจบก็ไล่อ่านที่หน้าถัดไป โดยไม่ขยายความหรือขยายความก็ไม่น่าสนใจแล้วเพราะอ่านจบก่อนที่เขาจะอ่านจบเสียอีก ส่วนการรับสถาณการณ์เฉินก็อาจต้องปรับให้เข้ากับแต่ละแบบที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นการมีสติจะช่วยให้การแก้ไขออกมาได้ผลครับ
สนับสนุนโดย

เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ Pre-Order Japan ด้วยเหตุผลง่ายๆ… เบื่องานประจำ อยากลาออกจากชีวิตมนุษย์เงินเดือน อยากเริ่มทำธุรกิจส่วนตัว แต่ยังไม่มีเงินลงทุน อยากเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจส่วนตัวที่ทำอยู่ กำลังหางานทำ และหามานานแล้ว (ตกงาน) ทำงานประจำ อยากมีรายได้เสริม ที่ไม่ใช่ ธุรกิจ MLM ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน งานประจำยุ่งทุกวัน ไม่มีเวลาศึกษาข้อมูล อยากทำงานที่บ้าน อยากมีเวลามากขึ้น อยากมีอิสระในการใช้ชีวิต อยากกลับไปทำงาน (ส่วนตัว) ที่บ้านนอก กลับไปอยู่กับครอบครัว อยากสั่งซื้อของจากญี่ปุ่น ประมูลสินค้า Bid Yahoo Japan ด้วยตัวเอง อยากเป็นพ่อค้าคนกลาง ซื้อมาขายไป ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องสต็อกสินค้า อ่านหนังสือมาหลายเล่ม เข้าสัมมนามาหลายงาน ข้อมูลเต็มสมอง แต่ยังจับต้นจนปลายไม่ถูก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอันใดก็ตาม ที่ทำให้คุณได้มาอ่าน eBook เล่มนี้ เมื่ออ่านจบคุณจะได้แนวคิดดีๆในการทำธุรกิจ คุณจะพบช่องทางรวย หากคุณลงมือทำอย่างจริงจัง อดทน ไม่ท้อแท้ เลิกล้มเสียก่อน คุณรวยได้ แน่นอน ขอให้โชคดี และมีความสุขกับการทำธุรกิจออนไลน์