เมื่อน้อยกลับกลายเป็นมาก The Art of Presentation: When Less is More

Published by

on

8 หลักการสร้างสไลด์สไตล์มินิมอล สไลด์เนี้ยบ เรียบง่ายแต่ได้ผลลัพธ์

Kuroda Yukiko ในวัย 28 ปี เธอทำงานเป็นนักออกแบบกราฟิกในแวดวงโฆษณาที่โตเกียว ด้วยบุคลิกเงียบขรึมและอ่อนไหว งานที่เครียดและกดดันจึงส่งผลกระทบต่อเธออย่างหนัก 

จุดเปลี่ยนผันมาถึงเมื่อเพื่อนไปทำจานใบโปรดของเธอแตก ราวกับความหวังที่แหลกสลาย เธอรู้สึกว่าทั้งโลกไม่ต้องการจานใบนี้ รวมถึงตัวเธอเองด้วยแต่แทนที่จะทิ้งขว้าง เธอกลับเก็บเศษแตกๆ นั้นมาประกอบใหม่อย่างใจเย็นและพิถีพิถัน จนในที่สุดมันก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ถึงจะไม่เหมือนเดิม แต่ก็ครบถ้วน

แล้วเธอก็ได้เรียนรู้ว่า ความงามที่แท้จริงไม่จำเป็นต้องไร้ที่ติ รอยแตกร้าวต่างหากที่ทำให้มันมีเรื่องราวและเป็นชิ้นเอกไม่เหมือนใคร สิ่งที่เธอค้นพบโดยบังเอิญคือศิลปะการซ่อมแซมเครื่องปั้นดินเผาของญี่ปุ่นโบราณที่เรียกว่า “คินสึงิ”(Kintsugi)ซึ่งถือว่ารอยแตกคือส่วนหนึ่งที่ทำให้จานชามมีความงดงามเฉพาะตัว

ศิลปินคินสึงิจะใช้ยางรักจากธรรมชาติประสานชิ้นส่วน แล้วตกแต่งด้วยผงทองหรือเงิน ยิ่งขัดเงายิ่งเผยให้เห็นถึงความงามอันเปราะบางแต่แข็งแกร่งกว่าจะเสร็จสมบูรณ์ต้องใช้เวลานับเดือน มันจึงมีคุณค่ามากกว่าของเดิมที่ไม่เคยแตกหักเสียอีก

หลังจากวันนั้น Kuroda ได้เรียนรู้และฝึกฝนศิลปะคินสึงิอย่างจริงจัง จนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการยอมรับ ถึงวันนี้เธอได้ซ่อมแซมผลงานไปแล้วมากกว่าพันชิ้น แต่ที่สำคัญกว่าคือเธอได้ซ่อมแซมหัวใจของตัวเองไปพร้อมๆ กันด้วย เมื่อได้จดจ่ออยู่กับงานศิลปะแล้ว ความกังวลก็จางหายไป จิตใจเบิกบานเป็นอิสระอย่างแท้จริง

นี่คือสิ่งที่เธอค้นพบเมื่อมองหาคำตอบในแนวทางที่แตกต่าง ซึ่งก็สอดคล้องกับปรัชญาเซนที่ให้คุณค่ากับความเรียบง่าย ความไม่สมบูรณ์แบบ และพื้นที่ว่างเปล่าอย่างสวนหินแบบเซน แทนที่จะอวดอ้างด้วยสีสันหรูหรา กลับดูแห้งแล้งไร้ชีวิตชีวา มีแต่หินกรวดที่เรียงราวกับภาพเขียนเรขาคณิต แต่กลับสะท้อนความงามอันลึกซึ้งจนสตีฟ จ็อบส์ยังยกย่อง

Reina Ikeda นักปรัชญาชาวญี่ปุ่นอธิบายว่า ชาวตะวันตกมักอึดอัดกับความโล่งว่างและพยายามหาสิ่งมาเติมแต่ง ทว่าในเซน ความว่างเปล่ากลับเป็นสุนทรียะอย่างหนึ่ง เป็นความงามแห่งการเว้นวรรค การไม่ครบสมบูรณ์

ในโลกของการนำเสนอ เรามักพบสไลด์ที่อัดแน่นไปด้วยข้อความ ตัวเลข หรือกราฟิกจนล้นหลาม ราวกับพยายามยัดเยียดข้อมูลทุกอย่างลงไปในพื้นที่อันจำกัด เหมือนป้ายโฆษณาข้างทางที่พยายามบอกรายละเอียดมากเกินจนผู้ขับขี่จำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง

แต่ถ้าเรานำหลักการที่เราได้เรียนรู้จากเรื่องเล่านี้มาใช้ เน้นความเรียบง่าย มีพื้นที่ว่างให้ “หายใจ” มีองค์ประกอบเท่าที่จำเป็น เลือกใช้ภาพที่สื่อความหมายแทนข้อความ และปล่อยให้ผู้ฟังได้คิดต่อเอง เช่นเดียวกับแนวคิด “น้อยคือมาก” (Less is more) ในสถาปัตยกรรม เราอาจได้สไลด์ที่ไม่ได้ดูอลังการ แต่สื่อใจความสำคัญได้ดีกว่า และน่าจดจำยิ่งขึ้น

1. กำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เริ่มจากการพิจารณาว่าอะไรคือใจความสำคัญที่สุดที่อยากสื่อในสไลด์นั้นๆ จากนั้นตัดทุกอย่างที่ไม่เกี่ยวข้องทิ้งไป เหลือไว้เท่าที่จำเป็น หรือเท่าที่พอให้เห็นภาพรวมได้

2. จัดลำดับเนื้อหาตามความสำคัญ เรียงลำดับเนื้อหาหรือองค์ประกอบต่างๆ บนสไลด์ตามความสำคัญ โดยเน้นสิ่งที่อยากให้ผู้ชมจดจำมากที่สุดไว้ในจุดสำคัญ เช่น ตรงกลางหรือมุมบนซ้ายหรือการใช้กฏ 3 ส่วน 9 ช่อง (Rule of third)

Photo by Sharefaith:

3. เลือกใช้ภาพที่สื่อความหมายชัดเจน แทนที่จะใช้ข้อความมากมาย ลองหาภาพที่ช่วยอธิบายหรือสะท้อนแก่นของเรื่องได้ดี โดยอาจจะเป็นภาพถ่าย ภาพวาด ไอคอน หรือกราฟิกอื่นๆ ที่เข้าใจง่าย โดยใช้แค่ภาพเดียวต่อหนึ่งความคิด

Photo by thanhhoa tran on Pexels.com

4. เน้นตัวหนังสือให้อ่านง่าย พยายามใช้ตัวหนังสือที่อ่านง่าย ขนาดใหญ่พอสมควร ไม่ควรเล็กเกินไป และเลือกฟอนต์ที่เป็นมิตรต่อสายตา หลีกเลี่ยงฟอนต์หรือหวาหรือมีลูกเล่นมากเกินไปโดยเฉพาะอะไรที่เป็นทางการหรือเชิงธุรกิจ โดยเน้นข้อความสั้นๆ หรือKeywords สำคัญเท่านั้น

Photo by Alex Fu on Pexels.com

5. มีที่ว่างให้พอ “หายใจ” เว้นที่ว่างระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในสไลด์ให้มีสัดส่วนที่เหมาะสม ไม่แน่นหรือห่างจนเกินไป โดยอาจใช้หลัก 2/3 คือ ใส่เนื้อหาแค่ 2 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด ปล่อยให้ 1 ใน 3 เป็นพื้นที่โล่งๆ ไว้พักสายตา

6. เลือกใช้สีให้กลมกลืน เลือกใช้โทนสีที่เข้ากันหรือคู่ตรงข้ามให้สอดคล้องกับ Mood & Tone ของเนื้อหา ไม่ควรใช้สีเยอะเกิน 2-3 สีต่อสไลด์ และเน้นคอนทราสต์ที่ชัดเจนระหว่างพื้นหลังกับตัวอักษรเพื่อให้อ่านง่าย

Photo by Kindel Media on Pexels.com

7. รวมความคิดที่เกี่ยวข้องไว้ด้วยกัน จัดกลุ่มเนื้อหาที่เป็นเรื่องเดียวกันหรือเกี่ยวข้องกันไว้ใกล้ๆ กัน ทั้งในสไลด์เดียวกันหรือเป็นชุดสไลด์ที่ต่อเนื่องกัน เพื่อให้ผู้ชมเห็นความเชื่อมโยงและจับประเด็นสำคัญได้ง่ายขึ้น

Photo by Pixabay on Pexels.com

8. ผู้นำเสนอคือดาวเด่น เมื่อใช้สไลด์แนวนี้ จะทำให้สไลด์ดูสบายตาและสื่อความหมายของการนำเสนอได้จริง แต่อย่าลืมว่าสุดท้ายแล้ว การควบคุมเนื้อหาและการถ่ายทอดยังต้องกลับมาโฟกัสที่ตัวผู้นำเสนอเป็นหลัก โดยที่สไลด์ทำหน้าที่เป็นเพียง Visual Aid เท่านั้น ดังนั้นผู้นำเสนอจึงต้องแม่นยำและลื่นไหลกับการส่งมอบเนื้อหาในแต่ละสไลด์ด้วย

Photo by RDNE Stock project on Pexels.com

ลองดูตัวอย่างสไลด์จาก Apple – March Event 2016 ดูครับ

เท่านี้เราก็จะได้สไลด์ที่เรียบง่าย สะอาดตา และสื่อความหมายได้ชัดเจน ช่วยให้ผู้ฟังโฟกัสไปที่เนื้อหาสำคัญๆ ได้โดยไม่สะดุดกับองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น และยังเป็นการแบ่งเบาภาระให้ผู้นำเสนอได้ใช้ศิลปะการเล่าเรื่องเติมเต็มรายละเอียดอีกด้วย

**เรื่องราวนี้ดัดแปลงจากบทความของนักโฆษณาชื่อดัง Dave Trott และหนังสือ Presentation Zen โดย Garr Reynolds**

เบญจ์ ไทยอาภรณ์
www.PresentationBen.com | TikTok | facebook | YouTube

ใส่ความเห็น