สร้างอินโฟกราฟิกอย่างง่ายด้วย PowerPoint หรือ Keynote

Published by

on

เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา มีการซ้อมพูดของทีมวิทยากรที่ผมอยู่ในกลุ่มด้วย เขาเตรียมตัวกันไปพูดในงานชื่อว่า Give and Take การกุศลซึ่งจัดมาเป็นครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 7 โดยรายได้ทุกบาททุกสตางค์จะนำไปบริจาคให้กับโรงเรียนพระดาบส ผมได้มีโอกาสไปพูดด้วยอยู่ 4 ครั้ง

โดยความยากของการพูดในเวทีนี้คือให้เวลาจำกัดแค่ท่านละ 10 นาที และห้ามขึ้นมาพูดแบบสอนหรือนำเสนอ (Teach / Presentation) แต่ทุกคนที่ขึ้นพูดต้องใช้เทคนิคการเล่าเรื่อง (Storytelling) ด้วยข้อกำหนดหลัก 2 ข้อนี้ทำให้พูดจัดงานต้องมีการนัดซ้อมย่อยหลายครั้งซึ่งเท่าที่จำได้คือ คือมีการซ้อมย่อย 2-3 ครั้ง โดยให้เพื่อนๆที่เป็นวิทยากรด้วยกันและอาจารย์ไชยยศ ปั้นสกุลไชย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มจัดงานพูดการกุศลนี้ ร่วมให้ Feedback กับผู้พูด เพื่อนให้คนฟังได้อะไรกลับไปพร้อมความประทับใจของเรื่องเล่าในแต่ละเรื่อง

หลังจากวันซ้อมย่อย อาจารย์ไชยยศก็สรุปเขียนเป็นโพสต์เพื่อให้ผู้ที่ไปซ้อมวันนั้นได้อ่านและผู้ที่สนใจเรื่อง Storytelling ได้อ่านเพิ่มด้วย

นี่อคือรายละเอียดของการโพสต์ในวันนั้นซึ่งได้รับอนุญาตแล้วว่าผมขอนำเอามาเป็นต้นเรื่องในการสร้างอินโฟกราฟิก (Infographics)

เมื่อวานได้มีโอกาส ทำหน้าที่ติวเตอร์ ช่วยบอก ช่วยแนะนำ ช่วยให้หลักการ ทฤษฎีชี้แนะและให้ feedback เกี่ยวกับการเล่าเรื่อง (Storytelling)ให้กับลูกศิษย์วิทยากรทั้ง 10 คนที่จะต้องขึ้นพูดบนเวทีงาน Give&Take การกุศลครั้งที่ 7 ในวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมปีนี้ เมื่อวานเป็นการซ้อมครั้งที่ 1 (มีนัดซ้อมทั้งหมด 3 ครั้ง)ผมตั้งใจฟังทั้ง 10 เรื่อง ได้หัวเราะ และได้เสียน้ำตาขณะที่ฟังเรื่องเล่าหลายคนเล่าเรื่องได้ดีแล้ว ถือว่าสอบผ่านแต่หลายคนยังต้องแก้ไขปรับปรุงมากบ้างน้อยบ้างตามอาการบางคนปรับอีกเล็กน้อย ซ้อมอีกสักพักก็น่าจะดีขึ้น

ผมขอสรุปอาการที่เห็นว่าเป็นปัญหาที่คนเล่าสามารถพัฒนาปรับปรุงได้ดังนี้คือ บอกให้ได้ว่า Key Message ของเรื่องที่เราเล่าคืออะไร อะไรคือแก่นของเรื่องนี้ คนเล่าต้องการบอกอะไรกับผู้ฟัง เป็นประโยคเด็ดสัก 1 ประโยคก็พอ ฉะนั้นต้องถามตัวเองก่อนเล่าเรื่องเสมอว่าเรื่องนี้เราต้องการบอกอะไรกับผู้ฟัง(One Message Only) เมื่อวานนี้มีหลายคนที่เล่าแล้ว Key Message ยังไม่ชัดเจน บางคนมีหลาย Message

ในเรื่องเล่าต้องมีตัวละครหลัก(Main Character)ที่ได้ไปเจอกับเหตุการณ์อะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยน(Turning Point) จนทำให้ตัวละครหลักตัวนั้นเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนหมายถึงวิธีคิด ทัศนคติ และพฤติกรรมของเขาหรือเธอคนนั้นเปลี่ยนแปลงไป เมื่อวานนี้มีหลายคนที่เล่าแล้วตัวละครหลักยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เปลี่ยนบ้างแต่ยังไม่แรงพอ

เล่าแบบไม่ใส่รายละเอียดไม่บอก GPS ว่าเหตุการณ์ เกิดอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ ความรู้สึกนึกคิดในหัวสมองคนเล่ากำลังคิดอะไร เสียงในหัวเราคืออะไรถ้าไม่บรรยายออกมาจะทำให้คนฟังเห็นภาพไม่ชัดฟังแล้วนึกไม่ออก จินตนาการตามไม่ได้เลยไม่รู้สึกตามไปด้วย เมื่อวานบางคนเล่าไม่สุดไม่กระจ่างชัดเจน ไม่สะดวกที่จะเปิดเผยมุมเปราะบางให้ผู้ฟังทราบก็เลยแนะนำให้เปลี่ยนเรื่องใหม่เอาเรื่องที่เจ้าตัวสะดวกใจที่จะเล่าจริงๆ

การเล่าเรื่องเป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึก จากผู้เล่าไปยังผู้ฟังเมื่อวานนี้มีบางคนที่เล่าแล้วคนฟังเฉย ๆ ไม่รู้สึกอะไรไม่ได้สัมผัสอารมณ์แสดงว่าต้องรีบปรับปรุง

ชื่อเรื่อง กับเนื้อหา ไม่สอดคล้องกัน เล่าเรื่องอย่างหนึ่งตั้งชื่ออีกอย่างหนึ่งฟังจบแล้วไม่อิน ไม่โดน ไม่จับใจบางคนตั้งชื่อเรื่องมาไม่น่าสนใจไปคนละทางกับ Key Message เลยไม่ว้าว ไม่น่าสนใจ

บางคนเพิ่งคิดพล็อตเรื่องได้ไม่นาน ไม่ได้ซ้อมมามากนัก เกิดอาการตื่นเต้นประหม่า ขาดความเป็นธรรมชาติดูไม่ Flow ไม่ลื่นไหล ฟังแล้วไม่สบายหู ดูแล้วไม่สบายตาเรียกว่าอ่อนซ้อมไปหน่อย

 บางคนเล่าแล้วยังดูไม่จริงใส่แอ็คติ้ง ตั้งไจทำมากไปตั้งใจเดินตามที่คิดวางแผนไว้แต่ในการเล่าเรื่องมันมีเคล็ดลับง่าย ๆ ว่าถ้าเราเล่าเรื่องจริงเรารู้สึกก็มันจริงๆแอ็คติ้งจะไม่จำเป็นเลยเพราะร่างกาย ท่าทางของคนเล่ามันจะออกมาเองแบบอัตโนมัติทั้งน้ำเสียง สีหน้า แววตา ท่าทาง ตามความรู้สึกของคนเล่า สรุปคือ ถ้าคนเล่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆแอ๊กติ้งจะมาเอง ไม่ต้องตั้งใจทำมันขึ้นมา

การแบ่งสัดส่วนของเนื้อหา กับเวลา ไม่สมดุลกัน บางคนให้เวลากับเรื่องราวก่อนเกิดจุดเปลี่ยนมากเกินไปทำให้มีเวลาน้อยในการเล่าเรื่องราวหลังเกิดจุดเปลี่ยน ขณะที่บางคนก็เล่าเรื่องราวก่อนเกิดจุดเปลี่ยนน้อยเกินไปให้ความสำคัญกับเรื่องราวหลังจุดเปลี่ยน จึงทำให้คนฟังได้ฟังเรื่องแบบ ขาดๆ เกินๆไม่กลมกล่อมเพราะมันหนักด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป

ขอสรุปวิธีการทำงานส่วนตัวสำหรับการสร้างอินโฟกราฟิก (Infographics)เป็นข้อๆดังต่อไปนี้

1) เป้าหมายของอินโฟกราฟิก (Infographics Objectives) โดยผมตั้งเป้าไว้ง่ายๆคือ ต้องการให้ผู้อ่านหลักคือผู้พูดทั้ง 10 คนได้อ่าน ส่วนจะเป็นประโยชน์กับผู้อื่นด้วยอันนั้นเป็นผลพลอยได้

2) หาข้อมูลเพื่อจัดการเนื้อหา (Content management) อันนี้ถ้าเป็น อินโฟกราฟิก (Infographics) ที่เป็นเรื่องอื่นๆ อาจจะต้องไปรวบรวมหาข้อมูลต่างๆเพิ่มเติม แล้วสรุปเอาแต่ส่วนที่สำคัญเก็บเอาไว้ ลิสต์หัวข้อต่างๆไว้เป็นข้อๆ แต่บังเอิญหัวข้อนี้ผมใช้โพสต์นี้แหละเป็นแหล่งข้อมูล เป็นวัตถุดิบหลัก เลยไม่ต้องไปค้นคว้า รวบรวมอะไรเพิ่มเติมอีก ดังนั้นจึงสรุปออกมาเป็นสิ่งที่ต้องการเขียนได้เลย ลองดูจากเนื้อหาด้านบนประกอบด้วย จึงสรุปเป็นสาระสำคัญที่จะเอามาลงใน อินโฟกราฟิก (Infographics) ได้เป็น 8 ข้อด้วยกัน

Slide2.jpeg
สรุปได้ 8 ข้อ

มีการตัดทอนเนื้อหาบางส่วนออกและมีการปรับเปลี่ยนภาษาเล็กน้อยเพื่อให้กระชับแต่ความหมายของแต่ละหัวข้อนั้นยังคงได้ใจความสำคัญอยู่

3) ตั้งชื่ออินโฟกราฟิก (Infographics) บังเอิญว่าอาจารย์ไชยยศตั้งชื่อโพสต์อยู่แล้ว และส่วนตัวผมก็ชอบชื่อนี้ซึ่งสื่อความทั้งหมดได้ดีจึงใช้ชื่อหัวข้อเป็น “8 ปัญหาหลักของนักเล่าเรื่อง” ต่อมา ในแต่หัวข้อย่อยควรจะตั้งชื่อหัวข้อกันหน่อยจะได้ช่วยให้อ่านง่ายๆ โดยสรุปคือผมก็อ่านแต่ละหัวข้ออย่างละเอียด แต่หาประโยคหรือคำเพื่อแทนความหมายของแต่ละหัวข้อออกมาได้ดังนี้

Slide2.jpeg
ตั้งชื่อหัวข้อย่อย

4) จัดการหน้ากระดาษและเรื่องชนิดของ อินโฟกราฟิก (Infographics) เนื่องจากทำบน PowerPoint หรือ Keynote เราสามารถเลือกการตั้งค่าหน้ากระดาษตามที่ต้องการได้

screen-shot-2016-10-08-at-7-56-26-am.png
การตั้งค่าหน้าของ PowerPoint
Screen Shot 2019-02-12 at 21.25.11.png
การตั้งค่าหน้าของ Keynote

สาระสำคัญตรงนี้คือการเลือกรูปแบบของหน้าที่เหมาะสมกับสิ่งที่ต้องการนำไปเผยแพร่ เช่น จะทำเป็น A4 จะแนวตั้งหรือแนวนอนดี จะเอาไปโพสต์บนโซเชียลมีเดียแบบต่างๆ การจัดการสัดส่วนของหน้า (Aspect Ratio) ก็ต่างๆกันไป ลองไปศึกษารายละเอียดเพิ่มกันดูครับ

จากนั้นก็จะมาดูต่อว่าเป็น อินโฟกราฟิก (Infographics)แบบไหน ซึ่งมีหลายรูปแบบเลย เช่น Listing Infographics คือแบบที่แยกหัวข้อเป็นข้อย่อยๆ Timeline Infogrpahics ก็จะเป็นแบบไล่เรียงไปตามจำนวนปีเช่น ปีที่ 1 ทำอะไร ปีที่ 2 เกิดอะไรขึ้น ปีที่ 3 ขยายกิจการ ปีที่ 4 ได้รับรางวัล อะไรแบบนี้ ส่วน Instruction Infographics ก็จะเป็นการไล่ลำดับขั้นตอนต่างๆเช่น 1 ตีไข่ 2 ใส่เครื่องปรุง 3 เตรียมกระทะให้ร้อน 4 เทไข่ใส่กระทะ 5 ทอดและพลิกกลับ 6 ใส่จาน Comparision Infographics เอาไว้สำหรับเปรียบเทียบ เช่นโทรศัพท์รุ่นต่างๆ อะไรที่สรรพกรให้หักลดหย่อนได้บ้างเทียบกับอะไรที่ลดหย่อนไม่ได้ในกรณีซื้อของช้อปช่วยชาติ Data Visualization Infographics อันนี้ก็จะเป็นการให้ข้อมูลเชิงตัวเลข สถิติต่างๆซึ่งอาจจะมีกราฟมีตารางซึ่งให้ช่วยดูง่ายขึ้น

ในที่นี้ผมเลือก Listing Infographics ดูจะเหมาะที่สุดเพราะจากโพสต์ ผมก็สามารถแบ่งย่อยหัวข้อต่างๆได้ 8 ข้อด้วยกัน สำหรับ Listing Infographics นั้นถ้าอยากฝึกทำแนะให้ไปลองอ่านบทความอะไรก็ได้ตามหน้าหนังสือพิมพ์แล้วลองสรุปเป็นข้อย่อยๆดูก็ได้ เพราะการอ่านอะไรที่เป็นบทความยาวๆบางทีอาจจะดูอ่านยากไป ถ้ามีคนสรุปเป็นข้อๆจะช่วยให้อ่านได้ง่ายขึ้น

5) จัดการเรื่องดีไซน์ อันนี้อยู่ที่ความชอบของแต่ละท่าน สำหรับหัวข้อนี้ผมเลือกที่จะใช้ภาพที่สื่อความหมายของ Storytelling จึงอยากใช้ภาพคนล้อมวงเล่าเรื่องรอบกองไปเลยเลือกภาพนี้มาใช้

kevin-erdvig-761315-unsplash.jpg
Photo by Kevin Erdvig on Unsplash

จากนั้นจัดการตีตารางคร่าวๆว่าจะเอาหัวข้อไหนไปอยู่ตรงไหน จัดเรียงยังไง โดยผมเลือกใช้สไลด์ขนาด 16:9 บน PowerPoint เป็นหลักจากข้อที่ 4 หน้าตาก็จะเป็นประมาณนี้

Slide3.jpeg
แบ่งส่วนของหน้าให้ตรงกับหัวข้อ

ส่วนไอคอนที่ผมเลือกใช้ ผมใช้งาน http://www.flaticon.com อยู่เป็นประจำอยู่แล้ว เป็นแบบเสียค่าสมาชิกรายเดือนทำให้ดาวน์โหลดได้ไม่จำกัด แต่ผู้ที่ใช้งานเบื้องต้นสามารถเข้าไปดาวน์โหลดได้ฟรีแต่จำกัดจำนวนและต้องใส่เครดิตทุกครั้งด้วยว่ามาจากเว็บนี้จึงจะเป็นการปฏิบัตืที่ถูกต้องตามสิทธิการใช้งานแบบฟรี ถ้าใครอยากเข้าไปใช้โปรดอ่านเงื่อนไขการใช้งานด้วยทุกครั้งจะได้ไม่มีปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์ตามมาภายหลัง

และนี่คือผลงานการสร้างอินโฟกราฟิกอย่างง่ายด้วย PowerPoint หรือ Keynote ที่เสร็จสมบูรณ์แล้วครับ

Slide1.jpeg
สร้างอินโฟกราฟิกอย่างง่ายด้วย PowerPoint หรือ Keynote “8 ปัญหาหลักของนักเล่าเรื่อง”

ขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามา ขอบคุณอาจารย์ไชยยศที่อนุญาตให้นำโพสต์มาลองเรียนเป็นอินโฟกราฟิก (Infographics) อย่างง่ายๆ

ลองนำไปลองฝึกทำดูนะครับ
ขอให้สนุกกับการสร้างสไลด์ครับ

เบญจ์ ไทยอาภรณ์
www.PresentationBen.com
FB.me/PresentationCafe

content infographic Keynote Presentation learning management marketing Presentation Presentation Skill slide presentation technology การนำเสนอ การนำเสนอข้อมูล การนำเสนอด้วยPowerpoint การนำเสนอด้วยสไลด์ การนำเสนอที่ดี การนำเสนอผลงาน การนำเสนอสไลด์ การนำเสนออย่างมีประสิทธิภาพ การนำเสนออย่างมีพลัง การนำเสนออย่างมืออาชีพ การนำเสนอแบบมืออาชีพ ดาวน์โหลดภาพฟรี ตัวอย่างการนำเสนอ ทักษะการนำเสนอ ทักษะการนำเสนองาน ทักษะการนำเสนออย่างมืออาชีพ ทิปส์การนำเสนอ พรีเซนเทชั่น ภาพฟรีไม่มีลิขสิทธิ์ รูปแบบการนำเสนอ ศิลปะการนำเสนอ อินโฟกราฟฟิค เคล็ดลับการนำเสนอ เตรียมตัวก่อนนำเสนอ เทคนิคการนำเสนอ เทคนิคการนำเสนออย่างมืออาชีพ

ใส่ความเห็น